Wednesday, December 14, 2011

เรื่องของ TENSE ไม่เห็นจะยาก

“กระบวนการคิดในเรื่องกาลเวลา (TENSE)”(ตอนปรับกระบวนการคิด)

ถ้าคุณเป็นคนไทย เกิดในประเทศไทย ใช้ภาษาไทยมาตั้งแต่เกิด คุณต้องมีปัญหาการใช้ TENSE ในภาษาอังกฤษอย่าง แน่นอนเพราะภาษาไทยไม่มีการผันกิริยาไปตามกาลเวลาเหมือนภาษาอังกฤษ เช่น เมื่อวานนี้ฉันไปกินข้าวกับเจ้านายมา วันพรุ่งนี้ฉันก็จะไปกินข้าวกับเจ้านายเหมือนเดิม ในภาษาไทยไม่ว่าคุณจะ “กิน” ในอดีต, ปัจจุบัน หรือ อนาคต คุณก็ยังใช้คำว่า “กิน” อยู่ดี แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ จะมีกิริยา 3 ช่องให้คุณเลือกใช้ว่าจะ EAT, ATE, หรือ EATEN ดี? เชื่อแน่ว่าคุณต้องเคยท่องกิริยา 3 ช่องมาตั้งแต่เด็ก ผู้เขียนเองก็ถูกจับให้ท่องมาตั้งแต่ป.6 ขณะนั้นยังจำได้อยู่เลยว่า ได้แต่ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทอง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะท่องไปทำไมกัน? มันจะเอาไปใช้ยังไง? แล้วทำไม 1 กิริยาต้องมี 3 ช่องให้มันยุ่งยาก? มาเข้าใจอีกทีก็ตอนโตแล้วนั่นเอง

เราลองมาดูกระบวนการทางความคิดเพื่อที่จะใช้ TENSE ได้อย่างถูกต้องกันดีกว่า อันดับแรกเลย คุณต้องคิดก่อนว่าจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต, ปัจจุบัน หรืออนาคต อันดับต่อไปคือ คุณต้องการสื่อข้อความนั้นออกมาเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหว อย่าเพิ่งงงนะครับ จะยกตัวอย่างให้ดูดังนี้

ตัวอย่างภาพนิ่ง เช่น ฉันอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด, เมื่อวานฉันไปดูหนังมา เป็นต้น

ตัวอย่างภาพเคลื่อนไหว เช่น ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่, ตอน 4 โมงเย็นเมื่อวานนี้ ฉันกำลังดูทีวีอยู่ เป็นต้น

คุณจะสังเกตเห็นว่า เราจะเห็นภาพเคลื่อนไหวได้ชัดเจนกว่า คือเน้นที่การกระทำโดยใช้คำว่า “กำลัง” ซึ่งในภาษาอังกฤษเราจะใช้กิริยาเติม ING นั่นเอง พอคุณเลือกได้ทั้ง 2 อย่างแล้ว ต่อไปจะมีให้คุณเลือกว่าจะเสนอข้อความในรูป SIMPLE หรือ PERFECT ดี ดังข้างล่างนี้

1) อดีต (PAST)
 แบ่งเป็น
1.1) ภาพนิ่ง ซึ่งมีทั้ง PAST SIMPLE และ PAST PERFECT TENSES
1.2) ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งมีทั้ง PAST SIMPLE CONTINUOUS และ PAST PERFECT CONTINUOUS TENSES

2) ปัจจุบัน( PRESENT) แบ่งเป็น
2.1) ภาพนิ่ง ซึ่งมีทั้ง PRESENT SIMPLE และ PRESENT PERFECT TENSES
2.2) ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งมีทั้ง PRESENT SIMPLE CONTINUOUS และ PRESENT PERFECT CONTINUOUS TENSES

3) อนาคต (FUTURE) แบ่งเป็น
3.1) ภาพนิ่ง ซึ่งมีทั้ง FUTURE SIMPLE และ FUTURE PERFECT TENSES
3.2) ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งมีทั้ง FUTURE SIMPLE CONTINUOUS และ FUTURE PERFECT CONTINUOUS TENSES

ถ้าสังเกตให้ดี ไม่ว่าจะเป็นภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวก็มีให้เลือก 2 อย่างคือ SIMPLE และ PERFECT เพียงแต่ถ้าเป็นภาพเคลื่อนไหวเราจะต้องมีคำว่า “CONTINUOUS” ต่อก็เท่านั้นเอง พอมีให้เลือกมาก ชักจะสับสนแล้วใช่มั้ยครับ? ไม่ยากหรอก ยกตัวอย่างเช่น ผู้เขียนต้องการจะเล่าเรื่องของเมื่อวานนี้โดยอยากจะเน้นถึงการกระทำให้ชัดเจนด้วย ผู้เขียนก็เลือกได้ 2 TENSE นั่นคือ PAST SIMPLE CONTINUOUS หรือ PAST PERFECT CONTINUOUS แล้วจะเลือกใช้อันไหนดี จะอธิบายต่อไปครับ จากตารางข้างบนคุณจะเห็นว่าในภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 12 TENSE คือ 

1. PAST SIMPLE TENSE (ประธาน + กิริยาช่อง 2)
2. PAST PERFECT TENSE (ประธาน + HAD + กิริยาช่อง 3)
3. PAST SIMPLE CONTINUOUS TENSE (ประธาน + WAS/WERE + กิริยาเติม ING)
4. PAST PERFECT CONTINUOUS TENSE (ประธาน + HAD BEEN + กิริยาเติม ING)
5. PRESENT SIMPLE TENSE (ประธาน + กิริยาช่อง 1)
6. PRESENT PERFECT TENSE (ประธาน + HAS/HAVE + กิริยาช่อง 3)
7. PRESENT SIMPLE CONTINUOUS TENSE (ประธาน + IS/AM/ARE + กิริยาเติม ING)
8. PRESENT PERFECT CONTINUOUS TENSE (ประธาน + HAS/HAVE + BEEN + กิริยาเติม ING)
9. FUTURE SIMPLE TENSE (ประธาน + WILL + กิริยาช่อง 1)
10. FUTURE PERFECT TENSE (ประธาน + WILL + HAVE + กิริยาช่อง 3)
11. FUTURE SIMPLE CONTINUOUS TENSE (ประธาน + WILL BE + กิริยาเติม ING)
12. FUTURE PERFECT CONTINUOUS TENSE (ประธาน + WILL HAVE BEEN + กิริยาเติม ING)



No comments:

Post a Comment